สิ่งที่หลายสตูดิโอสถาปัตย์มองข้าม หลังจากจบโปรเจกต์

ทุกโปรเจกต์ที่เสร็จแล้ว แฝงไปด้วยบทเรียนที่เราไม่เคยเก็บไว้

และนั่นคือโอกาสที่กำลังหลุดมือ—ทั้งการลดต้นทุน แก้ปัญหาเดิม ๆ เพิ่มคุณภาพงาน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า

ในวงการออกแบบดิจิตัลอย่าง UX (User Experience) หลังจากปล่อยเว็บไซต์หรือแอป ไม่ได้หมายถึง “จบงาน” แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการสังเกต เรียนรู้ และปรับปรุง

เพราะสิ่งที่ดูดีในแบบ อาจไม่ได้เวิร์กจริงเมื่อถูกใช้งาน

สถาปนิกก็เรียนรู้จากแนวคิดนี้ได้

เพราะ “อาคาร” เองก็มีผู้ใช้งานจริง และมี feedback ซ่อนอยู่ในทุกวัน

ถ้าเราเก็บข้อมูลตรงนั้นไว้ให้เป็นระบบ—มันจะกลายเป็นคลังความรู้ของทีม ที่ต่อยอดไปได้อีกหลายโครงการ

ปัญหาที่เจอบ่อย: ส่งงานแล้วก็จบ ไม่มีใครกลับไปดู

วิธีทำงานของหลายสตูดิโอในตอนนี้คือ:

  • ออกแบบ ส่งแบบ ก่อสร้าง

  • ตอบคำถามเฉพาะหน้าระหว่างสร้าง

  • ถ่ายภาพไว้ใช้พอร์ตและโซเชียล

แล้วก็จบ ไม่มีใครย้อนกลับไปดูว่า “แบบที่ออกแบบไว้ ใช้ได้จริงไหม?”

ผลลัพธ์ที่ตามมา:

  • ปัญหาเดิม ๆ โผล่ซ้ำ เพราะไม่มีใครเก็บบทเรียนไว้

  • รายละเอียดดี ๆ หายไป เพราะไม่มีระบบจัดเก็บ

  • ทีมใหม่ต้องเริ่มจากศูนย์ทุกครั้ง เพราะไม่รู้ว่าอะไรเคยเวิร์ก

ลองคิดแบบ UX: กลับไปดูว่าแบบที่ออกแบบไว้ ทำงานได้จริงไหม

ทุกโปรเจกต์คือโอกาสเรียนรู้ ถ้าเราย้อนกลับไปดูมันจริง ๆ

สิ่งที่คุณทำได้:

👥 คุยกับคนที่ใช้อาคารจริง เช่น พนักงาน ผู้อยู่อาศัย เจ้าของกิจการ

👣 สังเกตการใช้งานจริง ว่าใช้ทางไหน หลีกเลี่ยงอะไร

🛠️ ดูจุดที่ต้องแก้ หรือจุดที่ผู้ใช้งานต้องดัดแปลงเอง

🌡️ เก็บข้อมูล: อุณหภูมิ เสียง แสง เงื่อนไขการดูแลรักษา

🧠 จดสิ่งที่ควรใช้ซ้ำ และสิ่งที่ควรเลี่ยงในงานถัดไป

ไม่ต้องวิจัยเชิงลึก ไม่ต้องฟอร์มอล

แค่ใช้ความตั้งใจจริงและเก็บข้อมูลให้เป็นนิสัย ก็เพียงพอ

วิธีเริ่ม: ไม่ต้องซับซ้อน แค่ทำให้ต่อเนื่อง

เริ่มง่าย ๆ ด้วยคำถามเดียว:

“โปรเจกต์นี้ เราได้เรียนรู้อะไร?”

อาจใช้เวลาแค่ครึ่งวัน เดินดูหน้างานจริง สังเกตและจดบันทึก หรือรวมทีมพูดคุยแบบกันเอง

ผลที่เห็นได้ชัด:

  • ลดการแก้ซ้ำ

  • จับปัญหาซ้ำซากได้ไวขึ้น

  • เริ่มมีคลังความรู้ทีมจากงานจริง

วิธีทำให้เป็นระบบ

  1. ตั้งรีมายด์ไว้ 1–3 เดือนหลังส่งมอบ

  2. เตรียมคำถามง่าย ๆ 4–5 ข้อ เช่น อะไรใช้ดี อะไรไม่เวิร์ก อะไรที่ต้องปรับ

  3. ลงพื้นที่จริง ใช้ตาและใจเปิด

  4. จดสั้น ๆ เก็บรูปภาพ วางในโฟลเดอร์กลางทีม

  5. ถ้าลูกค้าเปิดใจ อาจแชร์และเสนอแนะเพื่อการปรับปรุงในอนาคต

ไม่ต้องใช้ฟอร์แมตหรู แค่มีวินัยทำให้สม่ำเสมอ

ผลลัพธ์ที่คุณจะได้

  • งานดีขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่ต้องลองผิดลองถูกใหม่

  • ลดการเสียเงินซ้ำซ้อน เพราะรู้ว่าอะไรเวิร์ก

  • เพิ่มคุณค่าให้กับรายละเอียดที่ออกแบบมาอย่างตั้งใจ

  • ลูกค้ามองเห็นว่าคุณใส่ใจมากกว่าแค่ "สวย"

  • มีโอกาสเปิดบริการใหม่ เช่น consult ด้าน post-use, maintenance หรือ renovate

ทั้งหมดนี้ ไม่ใช่งานเพิ่ม แต่งานแบบที่ทำแล้ว “คุ้ม” กับเวลาและชื่อเสียง

สุดท้าย

สตูดิโอทั่วไปจบงานแล้วก็ move on

แต่สตูดิโอที่เก่งขึ้นทุกปี มักจะเป็นทีมที่ “ย้อนกลับไปเรียนรู้” จากสิ่งที่ตัวเองออกแบบมา

ไม่ใช่แค่เพื่อไม่ให้ผิดซ้ำ แต่เพื่อให้งานต่อไป “มั่นใจขึ้น” ทุกครั้งที่ลงมือ


🏗️ HTCH ("hatch"): All your building data, always ready.
📂 Designs, plans, & models–never lost.
🔗 Try HTCH free: https://www.htch.app/

Ponk Memoli

Award-winning, Architect & Entrepreneur.

Hi! 👋🏽 I’m Ponk—an architect-turned-founder of HTCH, helping design firms modernise their operations.

Need help getting your studio running smoother? Email me at ponk@htch.app

https://ponks.work/
Previous
Previous

แน่ใจไหมว่าโปรเจกต์ที่ดูราบรื่น…ไม่ได้กำลังขาดทุนอยู่เงียบๆ?

Next
Next

หยุดเสียเวลา...กับการหาไฟล์ไม่เจอสักที