7 Skills ที่นักออกแบบตัวท็อปต้องมี

ออกแบบสวย ตัวช่วยอื่นก็ต้องนำส่ง! นี่คือยุคที่พรสวรรค์มาคู่พรแสวง

เมื่อพูดถึงดีไซเนอร์ เรามักนึกภาพคนเวอร์ชั่นชิคๆ คูลๆ ดูมีรสนิยม ต้นแบบความสำเร็จของบุคคลสายนี้จึงอิงอยู่กับสุนทรียภาพและฝีมือเชิงศิลป์มาช้านาน

แต่ในโลกดิจิทัลที่หมุนไปไว อนาคตคนดีไซน์จะไม่ถูกท้าทายด้วยความถนัดเชิงศิลป์เท่านั้น ยังมีปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จอีกหลายด้าน ไม่ว่าจะงานสถาปนิก กราฟฟิคดีไซน์ ตกแต่งภายในหรือออกแบบผลิตภัณฑ์ ทุกคนต่างต้องเร่งพัฒนาคุณสมบัติสำคัญ 7 ข้อนี้ 

 

1. คิดนอกกรอบรอบด้าน 

// THINK OUTSIDE THE BOX

เวลาเราย้อนดูเส้นทางชีวิตไอคอนที่ประสบความสำเร็จมากๆ อย่าง Issey Miyake หรือ James Dyson จะเห็นว่าพวกเขาไม่ใช่ผู้ตามกระแส แต่เป็นผู้นำที่กล้าแตกต่างอย่างหนักแน่น มั่นใจ ไม่ยึดติดกับแบบแผนเก่าๆ  

คำว่า “นอกกรอบ” กินความหมายตั้งแต่การฝึกตัวเองให้มองรอบด้าน คิดแหวกวงล้อมเดิมแบบสร้างสรรค์ แสวงหาโอกาสจากความเปลี่ยนแปลงและเทรนด์ที่จะมาแรงในวันข้างหน้า นอกจากนี้ ในโลกของธุรกิจ แนวคิด Outside The Box ยังรวมถึงการประเมินสถานการณ์ในมุมกลับ เปิดรับความเป็นไปได้จากองศาที่ต่างไป เพื่อให้เจอทางออกใหม่ๆ ในการพัฒนาสินค้าหรือแก้ปัญหาบริการด้วย

 

2. มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

// MASTER SIGNATURE DESIGN

แค่แวบแรกที่เห็นเส้นสายหวือหวาสไตล์ยานแม่ของ Zaha Hadid เจ้าของตำนาน “Queen Of The Curve” คนสถาปัตย์ส่วนใหญ่ก็จำได้ว่า Signature งานใคร ฝีมือออกแบบ “หาตัวจับยาก” นี่แหละคือเส้นแบ่งระหว่างมืออาชีพทั่วไปกับตัวแม่ตัวพ่อที่คนยกนิ้วให้

เอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัวจะสร้างจุดขายและภาพจำ ทำหน้าที่ Brand Ambassador ให้นักออกแบบโดยอัตโนมัติ จนสามารถขยายฐานลูกค้า กระตุ้นให้เกิดการบอกต่อในวงกว้างได้ ในทางกลับกัน คนดีไซน์ที่ขาดจุดขายน่าจดจำ ก็มีโอกาสได้งานใหญ่ที่ช่วยให้เติบโตก้าวหน้าน้อย และเสี่ยงย่ำอยู่กับที่ หรือกลืนหายไปในสมรภูมิดีไซน์ซึ่งดุเดือดขึ้นตามกาลเวลา

 

3. ปะติดปะต่อจุดเล็กให้ยิ่งใหญ่

// CONNECT THE DOTS

นอกจากการสร้าง Signature Design ให้กลายเป็นทรัพย์สินส่วนบุคคลล้ำค่า ดีไซเนอร์ยุคใหม่ยังต้องสั่งสมความรู้ศาสตร์อื่นที่ช่วยต่อยอดในอาชีพ ซึ่ง Steve Jobs นิยามการรวมพลังของศาสตร์ต่างๆ เข้าด้วยกันว่า Connect The Dots 

ทุกวันนี้ งานออกแบบไม่ได้มีสูตรสำเร็จตายตัวเหมือนวันวาน ไอเดียใหม่ล้วนอาศัยการเชื่อม Dots ในหัวหลายๆ จุดเข้าด้วยกัน ยิ่งเก็บเกี่ยวประสบการณ์เท่าไหร่ ก็ยิ่งมี Dots ให้เห็นภาพใหญ่และพลิกเป็นโอกาสทองมากเท่านั้น ถึงเวลาแล้วที่ดีไซเนอร์จะเปิดใจศึกษาทักษะใหม่ สะสมจุดให้แตกกิ่งก้านสาขา เพื่อผนึกความเชี่ยวชาญเข้ากับความรู้แนวกว้าง และก้าวทันโลกอย่างมั่นคง

 

4. มองเทคโนโลยีเป็นเพื่อน

// MAKE FRIENDS WITH TECH

โลกปัจจุบันเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุค AI ส่งผลให้เทคโนโลยีกลายเป็นปัจจัยที่ 5 อย่างเป็นทางการ ผู้ที่ถนัดใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีย่อมทันโลกกว่าคนที่ปิดกั้น อีกทั้งสามารถประหยัดทรัพยากรและเพิ่มช่องทางบันดาลรายได้อีกมากมาย 

ดิจิทัลคือหนึ่งในกุญแจสู่ความสำเร็จของศตวรรษที่ 21 ดีไซเนอร์ควรจริงจังตั้งแต่การโปรโมทตัวตนออนไลน์ สร้าง Connection จากแพลตฟอร์มต่างๆ ให้เข้าถึงผู้ว่าจ้าง ส่วนเจ้าของกิจการก็ต้องพิจารณาเทคโนโลยีเสริมประสิทธิภาพทีมงานและระบบบริหารจัดการ อย่าง Time Saving Tool หรือ Team Management App จะได้มีเวลาไปหาความรู้หรือลงทุนด้านอื่นเพิ่มเติม

 

5. ชนะทุกการสื่อสาร

// COMMUNICATE TO COLLABORATE

 งานออกแบบต้องเกี่ยวข้องกับคนมากหน้าหลายที่มา วาทศิลป์ในการสื่อสารจึงเป็นฟันเฟืองสำคัญ เพราะจะช่วยให้ถ่ายทอดไอเดียออกมาอย่างมีประสิทธิภาพ นำเสนอผลงานที่ผู้อื่นเกิดความประทับใจ กระชับสายสัมพันธ์ในทีมงาน ตลอดจนปิดการขายกับลูกค้าง่ายขึ้น 

นอกเหนือจากศักยภาพในการส่งสาร ดีไซเนอร์ยังควรมีวิธีจัดการกับสารที่ได้รับเชิงกลยุทธ์ ตั้งแต่ฟังลูกค้าด้วยความใส่ใจ ทำงานได้ละเอียดถูกต้องตามบรีฟ รับฟัง Feedback ทั้งบวกลบโดยปราศจากอคติหรือการแสดงอารมณ์ที่ไม่สมควร และเมื่อเกิดความขัดแย้ง ก็สามารถเจรจาอย่างมีหลักการและเหตุผลรองรับ เพื่อหาหนทางแก้ไขปัญหาที่สร้างสรรค์กับทุกฝ่าย

 

6. ดีเกินคาด มาตรฐานไม่ดร็อป

// CONSISTENTLY EXCEED EXPECTATIONS

“ความติสท์แตก” อาจเคยเป็นของขลัง ของมันต้องมีคู่วงการออกแบบยุคก่อน แต่ในตอนที่ทุกอย่างแข่งกับเวลาและลูกค้ามีตัวเลือกมากมาย นิสัยติสท์ไร้วินัย คาดเดาได้ยาก ไม่มีทางส่งให้ใครไปต่อในเส้นทางนี้ได้สวยงาม ไม่ว่าจะมีพรสวรรค์หรือตัวช่วยครบมือเท่าไหร่ก็ตาม 

ต่อให้โลกส่วนตัวสูงแค่ไหน เมื่อมีเป้าหมายที่บรรลุร่วมกับผู้อื่น ดีไซเนอร์ก็ต้องรับบทมืออาชีพให้สมกับที่ผู้ว่าจ้างไว้วางใจ ที่สำคัญ รักษาเวลาและคุณภาพของงานให้คงเส้นคงวา ยิ่งถ้าตั้งเป้าทำออกมาเกินความคาดหวัง ดังที่ Milton Glaser กราฟฟิคดีไซเนอร์ระดับโลกยึดถือเสมอว่า “Wow is the one to aim for.” ก็จะมีแต่คนชื่นชมและอยากร่วมงานด้วยระยะยาวแน่นอน 

 

7. รู้รอบตอบโจทย์ธุรกิจได้

// HAVE COMMERCIAL AWARENESS

ดีไซเนอร์หัวการค้าล้วนมีความรอบรู้เรื่องธุรกิจ เทรนด์การตลาด พฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย และพอตัดสินใจเดินหมากไป ก็จะหมั่นวิเคราะห์ผลลัพธ์ ปรับเปลี่ยนจุดอ่อนเป็นจุดแข็ง และนำบทเรียนที่ได้มาประยุกต์ให้แซงหน้าคู่แข่งแบบมีชั้นเชิง

Shea McGee นักออกแบบภายในเจ้าของ Studio McGee ที่มีผู้ติดตาม IG เกิน 3.9 ล้าน สามารถปั้นคอนเทนต์แต่งบ้านให้กลายเป็นบริษัทรายได้กว่า 59 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2020 ปัจจัยที่ผลักดันให้เธอโด่งดังคือการอ่านใจกลุ่มเป้าหมายได้เฉียบขาด แผนการตลาดโซเชียลอันชาญฉลาด ประกอบกับอัตลักษณ์ของ Personal Brand และโมเดลธุรกิจที่แข็งแกร่ง จุดแข็งทั้งหมดส่งเสริมกันจนเธอคว้าความสำเร็จและเม็ดเงินมหาศาลท่ามกลางวิกฤติโควิดได้


🙌🏽  Streamline Architectural Design Feedback with HTCH ("hatch") –  𝘺𝘰𝘶𝘳 𝘤𝘰𝘭𝘭𝘢𝘣𝘰𝘳𝘢𝘵𝘪𝘷𝘦 𝘸𝘰𝘳𝘬𝘱𝘭𝘢𝘤𝘦 𝘧𝘰𝘳 𝘢𝘳𝘤𝘩𝘪𝘵𝘦𝘤𝘵𝘶𝘳𝘦 𝘥𝘦𝘴𝘪𝘨𝘯 𝘪𝘯𝘯𝘰𝘷𝘢𝘵𝘪𝘰𝘯. 📐
Learn more – https://www.htch.app/

Previous
Previous

เครื่องมือ AI ตัวตึง 2024 ย่นเวลาออกแบบสถาปัตย์ 10 เท่า

Next
Next

5 เว็บปลุกไอเดียสถาปัตย์สุดยูนิค คนสายนี้ควรคลิก