ความสําเร็จดีไซน์ได้! เริ่มต้นด้วย Mindset เหล่านี้

อยากชีวิตปัง! ต้องดีไซน์วิธีคิดอย่างคนสำเร็จ

หากถามว่าปัจจัยอะไรทำให้บางคนสำเร็จมั่งคั่งกว่าคนทั่วไป หลายคนมักโยงไปถึงพรสวรรค์ โชคชะตา ความสามารถ ต้นทุนชีวิต ซึ่งก็ไม่ใช่คำตอบที่ผิด แต่ปัจจัยเหล่านี้ไม่มีวันการันตีให้ใครสำเร็จยั่งยืนได้ หากขาด Mindset หรือชุดความคิดที่นำไปสู่ชัยชนะ

ถึงแม้เส้นทางของไอคอนที่ประสบความสำเร็จแต่ละคนจะต่างกัน กุญแจดอกสำคัญที่พวกเขามีเหมือนกันคือ Mindset ผู้ชนะ วันนี้เราจะพักจากมูเตลู วางหมอดูและโชคชะตา แล้วมาโฟกัส 5 Mindset ที่จะช่วยให้ทุกคนเข้าใกล้ความสำเร็จอีกขั้น มาเริ่มกันเลย

 

1. Set SMART Goal / ตั้งเป้าหมายให้ฉลาด สำเร็จไปแล้วครึ่งทาง

การดีไซน์เป้าหมายที่ใช่คือจุดเริ่มต้นของชัยชนะ คนสำเร็จจะทำความเข้าใจก่อนว่าแท้จริงแล้วตัวเองใฝ่ฝันและต้องการอะไร ก่อนตกผลึกออกมาเป็นเป้าหมายที่ตั้งใจบรรลุ พวกเขามักไม่วาดภาพลอยๆ แต่จะตั้งเป้าให้ชัดเจน เป็นระบบแบบ SMART Goal และเมื่อได้เป้าหมายมา พวกเขาก็จะจดจ่อ แน่วแน่ และเดินหน้าสู่จุดหมายแบบไม่ยอมเสียเวลา

SMART Goal คือเป้าหมายที่มีองค์ประกอบ 5 อย่างตามอักษรในคำ ได้แก่ Specific (S) เจาะจงชัดว่าคืออะไร, Measurable (M) สมเหตุสมผล วัดผลเป็นรูปธรรมได้, Achievable (A) ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน มีวิธีการทำให้สำเร็จ, Relevant (R) สอดคล้องกับ Passion และการดำเนินชีวิตด้านอื่น เพราะจะเอื้อให้มีไฟลุยได้ไกล ในเส้นทางที่ราบรื่นกว่า สุดท้ายเป้าหมายต้อง Time-Based (T) หรืออยู่ภายใต้กรอบเวลาที่เหมาะสม

 

2. Make Each Opportunity Your Masterpiece / ทำแต่ละโอกาสเสมือนผลงานชิ้นเอก

เมื่อมาถึงขั้นตอนลงมือทำตามเป้าหมาย หนึ่งใน Successful Formula ที่คนประสบความสำเร็จยึดถือระหว่างทางคือ

ความสำเร็จ = ความสามารถหรือพรสวรรค์ + คุณค่าของผลงาน

เราจะเร่งโอกาสแจ้งเกิดและลอยลำสู่ความสำเร็จ หากสามารถผนวกความสามารถหรือพรสวรรค์เข้ากับการผลิตผลงานที่มากคุณค่าต่อผู้อื่นได้ คนสำเร็จจึงให้ค่าทุกโอกาสในการสร้างสรรค์ผลงาน พวกเขาไม่ค่อยยอมหยุดแค่ทำ “ได้” แต่จะมุ่งทำให้ออกมาคุณภาพ “ดี” และ “โดดเด่น” เพื่อสร้างตัวตนที่แตกต่าง น่าจดจำ ภายใต้ทรัพยากรเวลาจำกัดเท่าคนอื่น

ศักยภาพในการสร้างผลงานชิ้นเอกที่โดดเด่น เป็นที่ต้องการและมีคุณค่าเป็นจุดขายให้คนประสบความสำเร็จขึ้นมา ซึ่งต้องอาศัยหลักความสม่ำเสมอ (Consistency) ไม่มีศิลปินหรือนักกีฬาชื่อดังในประวัติศาสตร์คนไหนคว้ารางวัลโดยขาดการฝึกปรือฝีมือ ลงแรงลงใจทำ Task เดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อให้ตัวเองเชี่ยวชาญในสิ่งที่ตั้งเป้าจนกลายเป็นเบอร์ต้นๆ นอกจากนี้ พวกเขายังรักษาคุณค่าของผลลัพธ์ให้ใกล้เคียงคำว่า Masterpiece อย่างต่อเนื่อง

 

3. Invest In Your Knowledge / ลงทุนกับความรู้ของตัวเอง

ทั้งมหาเศรษฐีนักลงทุนระดับโลกอย่าง Warren Buffett และ Benjamin Franklin บิดาวิทยาศาสตร์ผู้ปฏิรูปการเมืองอเมริกาต่างเห็นตรงกันว่า “การลงทุนในความรู้” คือ Investment ที่คุ้มค่าที่สุด เพราะความรู้เป็นสินทรัพย์ที่สร้างประโยชน์ได้ตลอดเวลา ไม่เสียค่าบำรุงรักษา ไม่มีใครสามารถฉกฉวยไป แถมยังช่วยให้เราย่นระยะเวลาในการเดินทางถึงฝั่งฝันด้วย

ในยุคที่เต็มไปด้วยการแข่งขันและแพลตฟอร์มให้เรียนรู้มากมาย การมี Lifelong Learning Mindset ที่กระหายความรู้ใหม่ไม่สิ้นสุดเป็นสิ่งจำเป็นมาก คนอยากสำเร็จต้องให้ความสำคัญทั้งการ Upskill เพื่อพัฒนาและยกระดับทักษะเดิมให้แกร่งกล้ากว่าเก่า ประกอบกับต้องหมั่น Reskill หรือสร้างทักษะใหม่ๆ ที่ตอบรับกับเทรนด์โลกปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นทักษะด้านออนไลน์ การลงทุน การใช้ชีวิตหรือบริหารธุรกิจ

 

4. Choose Your Crowd Wisely / ให้ความสำคัญกับการเลือกคบคน

เมื่อเรายกระดับตัวตนภายในให้อยู่ในทิศทางของคนสำเร็จ ก็ต้องสร้าง Mindset เรื่องการคัดสรรปัจจัยภายนอกรอบข้างด้วย Jim Rohn นักธุรกิจและนักพูดสร้างแรงบันดาลใจชาวอเมริกันผู้โด่งดังกล่าวไว้ว่า “คุณคือค่าเฉลี่ยของ 5 คนที่ใช้เวลาอยู่ด้วยเยอะที่สุด” ซึ่งแปลว่าคนที่เราคบหาและใช้เวลาด้วยมีผลต่อทิศทางชีวิตและความสำเร็จอย่างมาก

หากอยากสำเร็จ ก็ต้องแวดล้อมตัวเองด้วยคนที่สร้างแรงบันดาลใจ คิด Positive ในแบบเดียวกัน และช่วยปลดล็อกศักยภาพของเราออกมา ในขณะเดียวกัน ให้พยายามหลีกเลี่ยงคน Negative ที่คอยถ่วงหรือรบกวนให้เขวออกจากเป้าหมาย สมมุติเราอยากสำเร็จในฐานะ Entrepreneur ค่าเฉลี่ยคน 5 คนก็ควรประกอบด้วยคนเก่งในสายงาน พันธมิตรทางธุรกิจ นักธุรกิจที่มี Passion ลูกค้าระดับเจ้าของกิจการ เพื่อนหรือคนในครอบครัวที่คอยซัพพอร์ตเรา เป็นต้น

 

5. Replace Failing With Learning / เติบโตจากความผิดพลาด

หนทางแห่งความสำเร็จมาพร้อมขวากหนามและความผิดพลาดเสมอ เมื่อผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่หวังไว้ คนธรรมดาอาจตอบสนองด้วย Victim Mindset ว่าตัวเองเป็น “เหยื่อ” ของปัญหา สถานการณ์และโลกภายนอก ในขณะที่คนสำเร็จจะรับมือด้วย Growth Mindset ว่าข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นคือประสบการณ์ให้เรียนรู้ ปรับปรุง แก้ไข รวมถึงช่วยพัฒนาพวกเขาให้แกร่งและเติบโตขึ้น

สำหรับคนสำเร็จ ความเฟลเป็นเพียงบททดสอบชั่วคราวให้ก้าวขึ้นสู้ใหม่ แม้แต่คนดังระดับโลกหลายคนก็ล้มแล้วลุกมาทั้งนั้น อย่าง Steve Jobs ก็เคยถูกบอร์ดบริหารบีบให้ออกจากบริษัท ก่อนจะกลับมาสร้างตำนานในฐานะผู้บริหารที่ปั้นให้ Apple ปฏิวัติวงการ IT หรือดีไซเนอร์ตัวพ่อ Christian Dior ก็เคยต้องปิดกิจการแกลอรี่ในฝัน ก่อนเจอวิกฤติล้มละลายของครอบครัว แต่เขาไม่ยอมแพ้ นำวิกฤติความผิดพลาดมาใช้ผลักดันตัวเองให้ออกผลงานชิ้นโบว์แดงในที่สุด

 

Make better design decisions, faster with HTCH ("hatch") 💛 📐

Previous
Previous

5 เว็บปลุกไอเดียสถาปัตย์สุดยูนิค คนสายนี้ควรคลิก